หากพูดถึงปัญหาโรคผิวหนังที่สาว ๆ ต้องเผชิญ “เชื้อราที่ขาหนีบ” ถือเป็นโรคที่สาว ๆ มีโอกาสเป็นได้บ่อย ๆ เพราะว่าอากาศบ้านเราร้อนชื้น ทำให้บริเวณใต้ร่มผ้าอย่างบริเวณขาหนีบอับชื้นได้ง่าย กลายเป็นผดผื่นแดง และมีอาการคันอีกด้วย ปล่อยไว้อาจจะลามไปยังส่วนอื่นๆ ก็เป็นได้
เชื้อราที่ขาหนีบ
เกิดจากการติดเชื้อรา กลุ่ม Dermatophyte โดยเชื้อรานี้จะทำให้ชั้นหนังกำพร้าเกิดโรคที่มีลักษณะเป็นผื่นแดงอักเสบ ซึ่งเชื้อรานี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ใช้ผ้าขนหนู หรือเสื้อผ้าร่วมกับผู้มีเชื้อรา หรือใส่กางเกงผ้าหนา ๆ ซ้ำกันเป็นเวลาหลาย ๆ วัน เมื่อบริเวณขาหนีบเกิดความสกปรก อับชื้น หรือเหงื่อออกมากจึงทำให้เชื้อราเหล่านั้นเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ เป็นผดผื่นแดง และเริ่มมีอาการคันตามมานั่นเอง
วิธีรักษาเชื้อราที่ขาหนีบ
อันดับแรกอาจจะไปซื้อยากับเภสัชกรมาทาเอง ซึ่งมักจะเป็นยาประเภท Ketoconazole หรือ Clotrimazole ทาบริเวณที่เป็นผื่นทุกเช้าเย็นหลังอาบน้ำ ส่วนใหญ่แล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์ก็จะค่อย ๆ หายไปเอง แต่ใครที่ทาแล้วไม่ดีขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการตรวจและรักษาทันที
วิธีป้องกันโรคเชื้อราที่ขาหนีบ
เมื่อรักษาหายดีแล้ว สิ่งที่สาว ๆ ควรทำเพื่อป้องกันเชื้อราที่ขาหนีบไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีกก็คือ ควรหมั่นรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นหรือบริเวณขาหนีบอยู่เสมอ ไม่ควรปล่อยให้อับชื้น ทั้งนี้หลังอาบน้ำควรใช้ผ้าขนหนูสะอาด ๆ เช็ดให้แห้ง และควรใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดตัวมาก รวมถึงอย่าใส่กางเกงตัวเดียวซ้ำกันหลาย ๆ วัน นอกจากนี้ไม่ควรใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่นด้วย เช่น เสื้อผ้า กางเกง ชุดชั้นใน หรือผ้าขนหนู เป็นต้น
ยังไงก็ป้องกันไว้ดีกว่าแก้นะครับ การรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจากกระปุกดอทคอม