.
หลายคนเข้าใจผิดว่า เมื่อเคยติด “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” แล้วได้รับการรักษาจนหาย ก็จะมีภูมิคุ้มกันและไม่เป็นซ้ำอีก ซึ่งในความเป็นจริง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส หูดหงอนไก่ เริมที่อวัยวะเพศ หรือแม้แต่เอชไอวี สามารถ “ติดซ้ำได้” หากยังมีพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
.
ผู้ที่เคยมีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และยังมีพฤติกรรมเสี่ยง จะมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้สูง และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีมากกว่าคนทั่วไปถึง 5–9 เท่า
.
วิธีป้องกันไม่ให้ “เป็นซ้ำ” และลดความเสี่ยงเอชไอวี
.
1. สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ (กับทุกคน)
• ถุงยางอนามัยเป็นวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด
• ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก (oral sex) หากไม่ได้ป้องกัน เพราะเชื้อสามารถแพร่ผ่านน้ำลาย แผล หรือผื่นได้
2. มีคู่นอนคนเดียว ลดการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
• การมีคู่สัมพันธ์ถาวรและซื่อสัตย์ต่อกันช่วยลดความเสี่ยงอย่างมาก
• ยิ่งมีคู่นอนมาก ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นแบบทวีคูณ
3. รักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะเพศ
• ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศหลังการมีเพศสัมพันธ์ด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อน
• หลีกเลี่ยงการ “สวนล้างช่องคลอด” เพราะอาจทำลายจุลินทรีย์ดีและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
• โรคบางชนิด เช่น เชื้อรา พยาธิในช่องคลอด หรือการอักเสบจากการหมักหมม ก็สามารถแพร่สู่คู่นอนได้
4. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงมีประจำเดือน
• เพราะในช่วงนั้นเยื่อบุช่องคลอดบอบบาง เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย และมีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่าปกติหลายเท่า
5. พาคู่นอนมาตรวจและรักษาพร้อมกัน
• หากรักษาแค่ฝ่ายเดียว เชื้ออาจกลับมาติดซ้ำได้อีก
• หน่วยงานรัฐมีบริการติดตามคู่นอน (Partner Notification) เพื่อให้เข้ารับการตรวจและรักษาพร้อมกัน
6. ตรวจสุขภาพทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ
• แนะนำให้ตรวจปีละ 1–2 ครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง
• ผู้หญิงควรตรวจภายใน (Pap smear หรือ HPV test) ตามคำแนะนำของแพทย์
• ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (MSM) ควรตรวจเอชไอวีและซิฟิลิสเป็นประจำทุก 6 เดือนเป็นประจำและสำหรับผู้หญิงควรตรวจภายในด้วย
.
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถ “เป็นซ้ำได้” หากยังมีพฤติกรรมเสี่ยง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง มีคู่นอนคนเดียว ดูแลสุขอนามัยของร่างกาย และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ อย่าลืมว่าการรักษาให้หายไม่ใช่จุดจบของโรค แต่คือจุดเริ่มต้นของการดูแลตนเองให้ปลอดภัยในระยะยาว เพราะ “การป้องกันที่ดีคือการไม่ต้องรักษาเลย”
.
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนความเท่าเทียม ทั้งด้านบริการการรักษา กฎหมาย การเข้าถึงเทคโนโลยี และการอยู่ร่วมกันในสังคม
.