fbpx
Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

อินโฟกราฟิกส์

Modal Title

วัยรุ่นยุคใหม่ รักเป็น ปลอดภัย

วัยรุ่นยุคใหม่ รักเป็น ปลอดภัย 💖
.
1รู้จักปฏิเสธการใกล้ชิด หรือการมีเพศสัมพันธ์
การรู้จักปฏิเสธการใกล้ชิดหรือการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญที่วัยรุ่นต้องเรียนรู้และเข้าใจ วัยรุ่นบางคนอาจถูกกดดันจากสังคมหรือเพื่อนฝูงให้ทำตามกระแส แต่การปฏิเสธที่มีสติและมั่นใจสามารถช่วยให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยง เช่น การตั้งครรภ์หรือการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การรู้จักยืนยันตัวตนและเลือกทางที่ปลอดภัยถือเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบในตัวเอง
.
2ไม่ปล่อยให้ตนเองมีความเสี่ยงจนนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์
การไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่อาจเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์คือการสร้างขอบเขตให้ตัวเอง รู้จักสังเกตสัญญาณของการก้าวล่วงหรือการละเมิดในความสัมพันธ์ สามารถช่วยให้วัยรุ่นไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบในระยะยาว การสื่อสารและการตั้งคำถามเกี่ยวกับความต้องการและขอบเขตเป็นสิ่งที่สำคัญในความสัมพันธ์ที่ดีและปลอดภัย
.
3เข้าใจผลกระทบของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นสามารถส่งผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงผลกระทบทางการศึกษาและสังคมที่อาจทำให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาอนาคต การรู้จักผลกระทบเหล่านี้สามารถช่วยให้วัยรุ่นตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อมีสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ การเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์และการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องสามารถช่วยให้วัยรุ่นเลือกวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน
.
4เลือกหาวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ
การเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้วัยรุ่นสามารถรักษาความปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ การใช้ถุงยางอนามัย การใช้ยาคุมกำเนิด หรือการเลือกวิธีอื่นๆจะช่วยให้วัยรุ่นสามารถควบคุมความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตในความสัมพันธ์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจเกิดขึ้น
.
หากตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ปรึกษาที่คลินิกเวชกรรม สวท 9 แห่ง
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182 และ #แพทย์ทางไกล 0855859580 หรือ 0956616551
วัยรุ่นยุคใหม่ รักเป็น ปลอดภัย
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

วัยรุ่นยุคใหม่ รักเป็น ปลอดภัย

วัยรุ่นยุคใหม่ รักเป็น ปลอดภัย 💖
.
1รู้จักปฏิเสธการใกล้ชิด หรือการมีเพศสัมพันธ์
การรู้จักปฏิเสธการใกล้ชิดหรือการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญที่วัยรุ่นต้องเรียนรู้และเข้าใจ วัยรุ่นบางคนอาจถูกกดดันจากสังคมหรือเพื่อนฝูงให้ทำตามกระแส แต่การปฏิเสธที่มีสติและมั่นใจสามารถช่วยให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยง เช่น การตั้งครรภ์หรือการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การรู้จักยืนยันตัวตนและเลือกทางที่ปลอดภัยถือเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบในตัวเอง
.
2ไม่ปล่อยให้ตนเองมีความเสี่ยงจนนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์
การไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่อาจเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์คือการสร้างขอบเขตให้ตัวเอง รู้จักสังเกตสัญญาณของการก้าวล่วงหรือการละเมิดในความสัมพันธ์ สามารถช่วยให้วัยรุ่นไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบในระยะยาว การสื่อสารและการตั้งคำถามเกี่ยวกับความต้องการและขอบเขตเป็นสิ่งที่สำคัญในความสัมพันธ์ที่ดีและปลอดภัย
.
3เข้าใจผลกระทบของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นสามารถส่งผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงผลกระทบทางการศึกษาและสังคมที่อาจทำให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาอนาคต การรู้จักผลกระทบเหล่านี้สามารถช่วยให้วัยรุ่นตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อมีสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ การเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์และการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องสามารถช่วยให้วัยรุ่นเลือกวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน
.
4เลือกหาวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ
การเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้วัยรุ่นสามารถรักษาความปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ การใช้ถุงยางอนามัย การใช้ยาคุมกำเนิด หรือการเลือกวิธีอื่นๆจะช่วยให้วัยรุ่นสามารถควบคุมความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตในความสัมพันธ์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจเกิดขึ้น
.
หากตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ปรึกษาที่คลินิกเวชกรรม สวท 9 แห่ง
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182 และ #แพทย์ทางไกล 0855859580 หรือ 0956616551
วัยรุ่นยุคใหม่ รักเป็น ปลอดภัย
Modal Title

HIV รู้ไว้ ไม่ติดง่าย ถ้าเข้าใจ

สาระน่ารู้กับ FUN FACT HIV ✨
.
HIV รู้ไว้ ไม่ติดง่าย ถ้าเข้าใจ!
.
HIV ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แค่รู้วิธีป้องกันก็ใช้ชีวิตได้แบบไร้กังวล! ✨
.
ของเหลวในร่างกายที่แพร่เชื้อเอชไอวีได้
1.เลือดและน้ำเหลือง
2. น้ำอสุจิ และสารคัดหลั่งที่ออกมาก่อนอสุจิ
3.น้ำหล่อลื่นในช่องคลอด
4.น้ำนม
เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล หรือผ่านเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ภายในช่องคลอด ทวารหนัก และรูเปิดของอวัยวะเพศชาย
.
เราจะติดเชื้อเอชไอวี ได้จาก
1.มีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด หรือ ทวารหนัก โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
2.ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ใช้เข็มสัก เข็มเจาะร่างกายร่วมกัน
3.โดนเข็มตำ โดยเข็มนั้นมีเลือดที่ติดเชื้อเอชไอวี ปนเปื้อนอยู่
4.เลือด น้ำอสุจิ หรือน้ำหล่อลื่นช่องคลอดที่มีเชื้อเอชไอวี ปนอยู่ สัมผัสกับแผลเปิดบนร่างกาย
.
🩸 เชื้อเอชไอวี จะติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันมากที่สุด การใช้ถุงยางอนามัย และ/หรือ แผ่นยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมถึงไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น จะป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ได้
🩸 เชื้อเอชไอวี สามารถติดต่อผ่านแม่สู่ลูกในระหว่างตั้งครรภ์ คลอด หรือให้นมบุตรได้
หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี จะต้องรับประทานยาเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อเอชไอวี ไปยังลูก
🩸 เชื้อเอชไอวี ไม่ติดต่อผ่านน้ำลาย ดังนั้นคุณจะไม่ติดเชื้อเอชไอวี ผ่านการจูบ การกินอาหารหรือน้ำดื่มร่วมกัน หรือ การใช้ช้อนส้อมร่วมกัน รวมไปถึงการกอด การจับมือ การไอ การจาม การใช้ห้องน้ำร่วมกัน ก็ไม่ใช่ช่องทางติดต่อของเชื้อเอชไอวี
.
เข้าใจให้ถูก ป้องกันให้เป็น ใช้ชีวิตให้สนุกแบบไม่ต้องกลัว! 💖
.
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนความเท่าเทียม ทั้งด้านบริการการรักษา กฎหมาย การเข้าถึงเทคโนโลยี และการอยู่ร่วมกันในสังคม
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182และ #แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
HIV รู้ไว้ ไม่ติดง่าย ถ้าเข้าใจ
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

HIV รู้ไว้ ไม่ติดง่าย ถ้าเข้าใจ

สาระน่ารู้กับ FUN FACT HIV ✨
.
HIV รู้ไว้ ไม่ติดง่าย ถ้าเข้าใจ!
.
HIV ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แค่รู้วิธีป้องกันก็ใช้ชีวิตได้แบบไร้กังวล! ✨
.
ของเหลวในร่างกายที่แพร่เชื้อเอชไอวีได้
1.เลือดและน้ำเหลือง
2. น้ำอสุจิ และสารคัดหลั่งที่ออกมาก่อนอสุจิ
3.น้ำหล่อลื่นในช่องคลอด
4.น้ำนม
เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล หรือผ่านเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ภายในช่องคลอด ทวารหนัก และรูเปิดของอวัยวะเพศชาย
.
เราจะติดเชื้อเอชไอวี ได้จาก
1.มีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด หรือ ทวารหนัก โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
2.ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ใช้เข็มสัก เข็มเจาะร่างกายร่วมกัน
3.โดนเข็มตำ โดยเข็มนั้นมีเลือดที่ติดเชื้อเอชไอวี ปนเปื้อนอยู่
4.เลือด น้ำอสุจิ หรือน้ำหล่อลื่นช่องคลอดที่มีเชื้อเอชไอวี ปนอยู่ สัมผัสกับแผลเปิดบนร่างกาย
.
🩸 เชื้อเอชไอวี จะติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันมากที่สุด การใช้ถุงยางอนามัย และ/หรือ แผ่นยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมถึงไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น จะป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ได้
🩸 เชื้อเอชไอวี สามารถติดต่อผ่านแม่สู่ลูกในระหว่างตั้งครรภ์ คลอด หรือให้นมบุตรได้
หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี จะต้องรับประทานยาเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อเอชไอวี ไปยังลูก
🩸 เชื้อเอชไอวี ไม่ติดต่อผ่านน้ำลาย ดังนั้นคุณจะไม่ติดเชื้อเอชไอวี ผ่านการจูบ การกินอาหารหรือน้ำดื่มร่วมกัน หรือ การใช้ช้อนส้อมร่วมกัน รวมไปถึงการกอด การจับมือ การไอ การจาม การใช้ห้องน้ำร่วมกัน ก็ไม่ใช่ช่องทางติดต่อของเชื้อเอชไอวี
.
เข้าใจให้ถูก ป้องกันให้เป็น ใช้ชีวิตให้สนุกแบบไม่ต้องกลัว! 💖
.
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนความเท่าเทียม ทั้งด้านบริการการรักษา กฎหมาย การเข้าถึงเทคโนโลยี และการอยู่ร่วมกันในสังคม
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182และ #แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
HIV รู้ไว้ ไม่ติดง่าย ถ้าเข้าใจ
Modal Title

วาเลนไทน์ รักอย่างไรให้ปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องท้องไม่พร้อม

💘 วาเลนไทน์ รักอย่างไรให้ปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องท้องไม่พร้อม
.
วาเลนไทน์เป็นเทศกาลแห่งความรัก ยังมีค่านิยมผิด ๆ ของวัยรุ่นเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเทศกาลดังกล่าว ที่อาจสูงกว่าช่วงเวลาปกติ ทำให้เกิดปัญหาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรตามมา ดังนั้น วาเลนไทน์นี้จะแสดงความรักอย่างไรให้ปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องท้องไม่พร้อมต้อง
.
1. รักอย่างมีสติ:
– สื่อสารความต้องการและความรู้สึกของตัวเองกับคู่รักอย่างตรงไปตรงมา
– พูดคุยเรื่องเพศอย่างเปิดเผย ตกลงกันเรื่องการป้องกันอย่างเหมาะสม
– รู้จักปฏิเสธเมื่อรู้สึกไม่พร้อม
.
2. รักอย่างปลอดภัย:
– ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
– ตรวจสุขภาพและตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) เป็นประจำ
– ฉีดวัคซีนป้องกัน HPV
.
3. รักอย่างมั่นใจ:
– เรียนรู้วิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเอง
– ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิด
– พกยาคุมกำเนิดฉุกเฉินติดตัวไว้
.
4.รักอย่างมีความรับผิดชอบ:
– เข้าใจผลที่ตามมาของการมีเพศสัมพันธ์
– เตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับการเป็นพ่อแม่
– วางแผนอนาคตร่วมกัน
.
วาเลนไทน์นี้แสดงความรักอย่างปลอดภัย ไร้กังวล เรื่องท้องไม่พร้อม
เพื่อสุขภาพที่ดี ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และอนาคตที่สดใสกันนะ
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182 และ #แพทย์ทางไกล 0855859580 หรือ 0956616551
วาเลนไทน์ รักอย่างไรให้ปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องท้องไม่พร้อม
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

วาเลนไทน์ รักอย่างไรให้ปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องท้องไม่พร้อม

💘 วาเลนไทน์ รักอย่างไรให้ปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องท้องไม่พร้อม
.
วาเลนไทน์เป็นเทศกาลแห่งความรัก ยังมีค่านิยมผิด ๆ ของวัยรุ่นเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเทศกาลดังกล่าว ที่อาจสูงกว่าช่วงเวลาปกติ ทำให้เกิดปัญหาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรตามมา ดังนั้น วาเลนไทน์นี้จะแสดงความรักอย่างไรให้ปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องท้องไม่พร้อมต้อง
.
1. รักอย่างมีสติ:
– สื่อสารความต้องการและความรู้สึกของตัวเองกับคู่รักอย่างตรงไปตรงมา
– พูดคุยเรื่องเพศอย่างเปิดเผย ตกลงกันเรื่องการป้องกันอย่างเหมาะสม
– รู้จักปฏิเสธเมื่อรู้สึกไม่พร้อม
.
2. รักอย่างปลอดภัย:
– ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
– ตรวจสุขภาพและตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) เป็นประจำ
– ฉีดวัคซีนป้องกัน HPV
.
3. รักอย่างมั่นใจ:
– เรียนรู้วิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเอง
– ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิด
– พกยาคุมกำเนิดฉุกเฉินติดตัวไว้
.
4.รักอย่างมีความรับผิดชอบ:
– เข้าใจผลที่ตามมาของการมีเพศสัมพันธ์
– เตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับการเป็นพ่อแม่
– วางแผนอนาคตร่วมกัน
.
วาเลนไทน์นี้แสดงความรักอย่างปลอดภัย ไร้กังวล เรื่องท้องไม่พร้อม
เพื่อสุขภาพที่ดี ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และอนาคตที่สดใสกันนะ
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182 และ #แพทย์ทางไกล 0855859580 หรือ 0956616551
วาเลนไทน์ รักอย่างไรให้ปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องท้องไม่พร้อม
Modal Title

5 วิธีบอกรัก ในวันวาเลนไทน์

5 วิธีบอกรัก ในวันวาเลนไทน์ 💓
การแสดงความรักต่อคนที่คุณรักเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและอบอุ่น ในการบอกรัก ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมทั้งในแง่ของเวลา สถานการณ์ และความรู้สึกของอีกฝ่าย เพื่อให้ข้อความแห่งรักนั้นสร้างความสุขและความประทับใจให้กับทั้งสองฝ่าย
1. พูดออกมาตรงๆ และจริงใจ💟
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่า การแสดงความรู้สึกด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมาและเต็มไปด้วยความจริงใจช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เช่น การพูดว่า “ฉันรักคุณเพราะคุณทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ” หรือ “คุณคือคนที่ทำให้ฉันยิ้มได้เสมอ”
2. ใช้การกระทำเพื่อแสดงความรัก🫰
นอกจากคำพูดแล้ว การกระทำเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดงถึงความรักอย่างชัดเจน เช่น การช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ การใส่ใจในรายละเอียด หรือการใช้เวลาอยู่ด้วยกัน การกระทำเหล่านี้ช่วยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความสำคัญที่คุณมีต่อเขา
3. เลือกเวลาที่เหมาะสม⏰
สถาบันครอบครัวและการพัฒนาชีวิตแนะนำว่า การบอกรักควรเลือกช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและสะดวกใจ เช่น ในช่วงเวลาที่ใช้เวลาร่วมกันอย่างสงบ การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมช่วยเพิ่มความรู้สึกพิเศษให้กับคำบอกรัก
4. ใช้ข้อความหรือจดหมายแสดงความรู้สึก✍️
หากการพูดตรงๆ ทำให้คุณรู้สึกอายหรือกังวล ลองใช้ข้อความหรือจดหมายเป็นตัวช่วย วิธีนี้ทำให้คุณสามารถถ่ายทอดความรู้สึกได้อย่างเต็มที่และไม่ต้องเผชิญความกดดัน
5. แสดงออกผ่านการสัมผัสที่อ่อนโยน🫂
การสัมผัส เช่น การจับมือ การกอด หรือการแตะเบาๆ ที่ไหล่ เป็นการแสดงออกถึงความรักที่ไม่ต้องใช้คำพูด แต่สามารถส่งต่อความอบอุ่นและความใกล้ชิดได้อย่างลึกซึ้ง
การบอกรักเป็นศิลปะที่สามารถแสดงออกได้หลากหลายวิธี ทั้งการพูด การกระทำ และการแสดงความห่วงใยอย่างจริงใจ การเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมและแสดงออกในเวลาที่ถูกต้องจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยั่งยืน
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182 และ #แพทย์ทางไกล 0855859580 หรือ 0956616551
5 วิธีบอกรัก ในวันวาเลนไทน์
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

5 วิธีบอกรัก ในวันวาเลนไทน์

5 วิธีบอกรัก ในวันวาเลนไทน์ 💓
การแสดงความรักต่อคนที่คุณรักเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและอบอุ่น ในการบอกรัก ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมทั้งในแง่ของเวลา สถานการณ์ และความรู้สึกของอีกฝ่าย เพื่อให้ข้อความแห่งรักนั้นสร้างความสุขและความประทับใจให้กับทั้งสองฝ่าย
1. พูดออกมาตรงๆ และจริงใจ💟
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่า การแสดงความรู้สึกด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมาและเต็มไปด้วยความจริงใจช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เช่น การพูดว่า “ฉันรักคุณเพราะคุณทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ” หรือ “คุณคือคนที่ทำให้ฉันยิ้มได้เสมอ”
2. ใช้การกระทำเพื่อแสดงความรัก🫰
นอกจากคำพูดแล้ว การกระทำเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดงถึงความรักอย่างชัดเจน เช่น การช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ การใส่ใจในรายละเอียด หรือการใช้เวลาอยู่ด้วยกัน การกระทำเหล่านี้ช่วยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความสำคัญที่คุณมีต่อเขา
3. เลือกเวลาที่เหมาะสม⏰
สถาบันครอบครัวและการพัฒนาชีวิตแนะนำว่า การบอกรักควรเลือกช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและสะดวกใจ เช่น ในช่วงเวลาที่ใช้เวลาร่วมกันอย่างสงบ การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมช่วยเพิ่มความรู้สึกพิเศษให้กับคำบอกรัก
4. ใช้ข้อความหรือจดหมายแสดงความรู้สึก✍️
หากการพูดตรงๆ ทำให้คุณรู้สึกอายหรือกังวล ลองใช้ข้อความหรือจดหมายเป็นตัวช่วย วิธีนี้ทำให้คุณสามารถถ่ายทอดความรู้สึกได้อย่างเต็มที่และไม่ต้องเผชิญความกดดัน
5. แสดงออกผ่านการสัมผัสที่อ่อนโยน🫂
การสัมผัส เช่น การจับมือ การกอด หรือการแตะเบาๆ ที่ไหล่ เป็นการแสดงออกถึงความรักที่ไม่ต้องใช้คำพูด แต่สามารถส่งต่อความอบอุ่นและความใกล้ชิดได้อย่างลึกซึ้ง
การบอกรักเป็นศิลปะที่สามารถแสดงออกได้หลากหลายวิธี ทั้งการพูด การกระทำ และการแสดงความห่วงใยอย่างจริงใจ การเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมและแสดงออกในเวลาที่ถูกต้องจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยั่งยืน
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182 และ #แพทย์ทางไกล 0855859580 หรือ 0956616551
5 วิธีบอกรัก ในวันวาเลนไทน์
Modal Title

7 วิธีกระตุ้นสมองลูกรักให้เก่งเรียนรู้

คุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นสมองของลูกๆได้ง่ายๆ ดังนี้
1. คอยสัมผัสและทำให้ลูกหัวเราะ
เพราะการกอดลูกแน่นๆ หรือการโยกตัวลูกเบาๆ จะช่วยเพิ่มสารออกซิโทซินและเอ็นดอร์ฟินในสมองของลูก และถ้าทำให้ลูกหัวเราะจะทำให้สมองของลูกพัฒนาได้รวดเร็วอีกด้วย
2. การเป็นตัวอย่างที่ดี
อย่างที่รับรู้กันว่าเด็กจะเลียนแบบผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัว เนื่องจากสมองมนุษย์มี “เซลล์สมองกระจกเงา” ที่จะคอยเรียนรู้ สังเกต และเลียนแบบพฤติกรรมโดยกระจกเงาที่ใกล้ตัวลูกที่สุด นั่นก็คือพ่อแม่ จึงควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก
3. การทำให้ลูกอารมณ์ดี
หากเด็กมีแรงกดดันมาก เครียด หรือซึมเศร้า อารมณ์เชิงลบทั้งหมดนี้ มีผลต่อสารเคมีที่จะทำให้ความสามารถในการเรียนรู้ของสมองลดลง วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาเด็กเครียด ถูกกดดันหรือซึมเศร้า ซึ่งอารมณ์เชิงลบทั้งหมดนี้มีผลต่อสารเคมีที่จะทำให้ความสามารถในการเรียนรู้ของสมองลดลง
4. การเล่นกับลูกบ่อยๆ
การชวนลูกน้อยเล่นที่เหมาะสมกับพัฒนาการในแต่ละวัยจะช่วยกระตุ้นใยสมองและจุดเชื่อมต่อทำให้สมองพัฒนาการเติบโตได้เป็นอย่างดี
5. การอ่านหนังสือหรือเล่านิทานให้ลูกฟังบ่อยๆ
เป็นวิธีการที่ดีที่จะทำให้ลูกน้อยเกิดจินตนาการ เพราะเซลล์สมองจะเชื่อมต่อได้ดี เมื่อฝึกใช้ประสาทสัมผัสทางตาและทางหูมากๆ การอ่านหนังสือจึงช่วยให้เส้นใยสมองเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เด็กฉลาดขึ้นนั่นเอง
6. ให้ดื่มนมแม่
พ่อแม่สามารถส่งเสริมให้เซลล์สมองเด็กเชื่อมต่อดีได้ตั้งแต่หลังคลอด แค่ให้ลูกได้กินนมแม่ซึ่งมีสารอาหารที่ดีต่อสมองอยู่มากมาย เช่น ดีเอชเอ
7. ฝึกให้ลูกหัดคิด
เพราะทุกๆครั้งที่เด็กถูกกระตุ้นให้คิดให้ทำซ้ำๆ จุดเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นหรือที่มีอยู่แล้วก็จะแข็งแรงขึ้น
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กในรูปแบบการถูกทารุณกรรมและการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ จากเด็กและส่งเสริมให้ผู้ใหญ่รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น❤️
ปรึกษาวางแผนครอบครัว ได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
7 วิธีกระตุ้นสมองลูกรักให้เก่งเรียนรู้
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

7 วิธีกระตุ้นสมองลูกรักให้เก่งเรียนรู้

คุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นสมองของลูกๆได้ง่ายๆ ดังนี้
1. คอยสัมผัสและทำให้ลูกหัวเราะ
เพราะการกอดลูกแน่นๆ หรือการโยกตัวลูกเบาๆ จะช่วยเพิ่มสารออกซิโทซินและเอ็นดอร์ฟินในสมองของลูก และถ้าทำให้ลูกหัวเราะจะทำให้สมองของลูกพัฒนาได้รวดเร็วอีกด้วย
2. การเป็นตัวอย่างที่ดี
อย่างที่รับรู้กันว่าเด็กจะเลียนแบบผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัว เนื่องจากสมองมนุษย์มี “เซลล์สมองกระจกเงา” ที่จะคอยเรียนรู้ สังเกต และเลียนแบบพฤติกรรมโดยกระจกเงาที่ใกล้ตัวลูกที่สุด นั่นก็คือพ่อแม่ จึงควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก
3. การทำให้ลูกอารมณ์ดี
หากเด็กมีแรงกดดันมาก เครียด หรือซึมเศร้า อารมณ์เชิงลบทั้งหมดนี้ มีผลต่อสารเคมีที่จะทำให้ความสามารถในการเรียนรู้ของสมองลดลง วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาเด็กเครียด ถูกกดดันหรือซึมเศร้า ซึ่งอารมณ์เชิงลบทั้งหมดนี้มีผลต่อสารเคมีที่จะทำให้ความสามารถในการเรียนรู้ของสมองลดลง
4. การเล่นกับลูกบ่อยๆ
การชวนลูกน้อยเล่นที่เหมาะสมกับพัฒนาการในแต่ละวัยจะช่วยกระตุ้นใยสมองและจุดเชื่อมต่อทำให้สมองพัฒนาการเติบโตได้เป็นอย่างดี
5. การอ่านหนังสือหรือเล่านิทานให้ลูกฟังบ่อยๆ
เป็นวิธีการที่ดีที่จะทำให้ลูกน้อยเกิดจินตนาการ เพราะเซลล์สมองจะเชื่อมต่อได้ดี เมื่อฝึกใช้ประสาทสัมผัสทางตาและทางหูมากๆ การอ่านหนังสือจึงช่วยให้เส้นใยสมองเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เด็กฉลาดขึ้นนั่นเอง
6. ให้ดื่มนมแม่
พ่อแม่สามารถส่งเสริมให้เซลล์สมองเด็กเชื่อมต่อดีได้ตั้งแต่หลังคลอด แค่ให้ลูกได้กินนมแม่ซึ่งมีสารอาหารที่ดีต่อสมองอยู่มากมาย เช่น ดีเอชเอ
7. ฝึกให้ลูกหัดคิด
เพราะทุกๆครั้งที่เด็กถูกกระตุ้นให้คิดให้ทำซ้ำๆ จุดเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นหรือที่มีอยู่แล้วก็จะแข็งแรงขึ้น
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กในรูปแบบการถูกทารุณกรรมและการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ จากเด็กและส่งเสริมให้ผู้ใหญ่รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น❤️
ปรึกษาวางแผนครอบครัว ได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
7 วิธีกระตุ้นสมองลูกรักให้เก่งเรียนรู้
Modal Title

รู้หรือไม่ เอชไอวี ≠ เอดส์

สาระน่ารู้กับ FUN FACT HIV ✨
.
รู้หรือไม่❗️ เอชไอวี ≠ เอดส์ ❗️❗️❗️
.
เอชไอวี และโรคเอดส์ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่จำเป็นต้องป่วยเป็นโรคเอดส์เสมอไป
.
เอชไอวี หรือ HIV : Human Immunodeficiency Virus 🌡
เป็นเชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวชนิด ซีดี4 (CD4) ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาการติดเชื้อเอชไอวีให้หายขาด แต่ในปัจจุบันจะมียาต้านไวรัส ผู้ติดเชื้อกินยาเร็ว กินยาต่อเนื่อง สม่ำเสมอ สามารถทำให้ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นระยะเวลายาวนาน และช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไวรัสนี้ไปยังผู้อื่นด้วย
.
เอดส์ หรือ AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome 🩸
เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวที่เป็นแหล่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้ติดเชื้อโรคอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ ผู้ป่วยเอดส์จะมีอาการของโรครุนแรง และเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต
.
✅ ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีหากได้รับยาต้านเอชไอวีโดยเร็วและกินยาสม่ำเสมอ จะไม่ป่วยเป็นโรคเอดส์
.
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนความเท่าเทียม ทั้งด้านบริการการรักษา กฎหมาย การเข้าถึงเทคโนโลยี และการอยู่ร่วมกันในสังคม
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182และ #แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
รู้หรือไม่ เอชไอวี ≠ เอดส์
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

รู้หรือไม่ เอชไอวี ≠ เอดส์

สาระน่ารู้กับ FUN FACT HIV ✨
.
รู้หรือไม่❗️ เอชไอวี ≠ เอดส์ ❗️❗️❗️
.
เอชไอวี และโรคเอดส์ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่จำเป็นต้องป่วยเป็นโรคเอดส์เสมอไป
.
เอชไอวี หรือ HIV : Human Immunodeficiency Virus 🌡
เป็นเชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวชนิด ซีดี4 (CD4) ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาการติดเชื้อเอชไอวีให้หายขาด แต่ในปัจจุบันจะมียาต้านไวรัส ผู้ติดเชื้อกินยาเร็ว กินยาต่อเนื่อง สม่ำเสมอ สามารถทำให้ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นระยะเวลายาวนาน และช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไวรัสนี้ไปยังผู้อื่นด้วย
.
เอดส์ หรือ AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome 🩸
เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวที่เป็นแหล่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้ติดเชื้อโรคอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ ผู้ป่วยเอดส์จะมีอาการของโรครุนแรง และเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต
.
✅ ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีหากได้รับยาต้านเอชไอวีโดยเร็วและกินยาสม่ำเสมอ จะไม่ป่วยเป็นโรคเอดส์
.
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนความเท่าเทียม ทั้งด้านบริการการรักษา กฎหมาย การเข้าถึงเทคโนโลยี และการอยู่ร่วมกันในสังคม
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182และ #แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
รู้หรือไม่ เอชไอวี ≠ เอดส์
Modal Title

12 วิธีเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพจิตดี

การเลี้ยงดูปลูกฝังของพ่อแม่ เป็นปัจจัยหนึ่งที่บอกได้ว่า เด็กคนหนึ่งจะมีสุขภาพจิตที่ดี เติบโตเป็นคนที่รับมือกับสถานการณ์ในชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปได้ มีจิตใจที่เข้มแข็งและมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีร้ายในชีวิต
1. พ่อแม่ควรดูแลสุขภาพจิตของตัวเองให้ดีก่อน
ถ้าพ่อแม่มีความเครียด ปัญหาสุขภาพจิต จะส่งผลต่อการเลี้ยงดูลูกได้
2. ให้ความรัก มีเวลาให้ลูก
พูดคุยกับลูก เล่น เล่านิทาน ทำกิจกรรมกับลูกบ่อยๆ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
3. ฟังลูกมากๆ เวลาลูกอยากเล่าอะไรให้ฟัง
ถ้าพ่อแม่ฟังลูก ลูกจะฟังพ่อแม่มากขึ้น และอยากเล่าอยากระบายสิ่งต่างๆ ให้พ่อแม่ฟัง
4. เด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบไม่ควรดูหน้าจอทุกชนิด
มือถือ,แท็บเล็ต,ทีวี,คอมพิวเตอร์ฯลฯ และอย่าปล่อยให้ลูกติดหน้าจอเกินไป และพ่อแม่ต้องไม่ติดจอด้วย เป็นตัวอย่างที่ดี และควรดูไปพร้อมกับเด็ก เพื่อแนะนำและมีความเข้าใจกันมากขึ้น
5. สอนให้ลูกมีระเบียบวินัย
ไม่ตามใจเกินไป ให้ลูกรู้จักควบคุมตัวเอง รู้จักอดทนรอคอย
6. สอนให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองตามวัย
อย่าทำอะไรให้ทุกอย่าง จนลูกติดสบายเกินไป
7. ปฏิบัติกับลูกบนพื้นฐานของความรักและเข้าใจ
มีเมตตาและเอาใจลูกมาใส่ใจเรา ลูกจะรู้สึกมีความมั่นคงปลอดภัย ทางจิตใจ
8. เข้าใจพัฒนาการเด็กพื้นฐาน
รู้ว่าเด็กวัยนี้ควรทำอะไรได้หรือยังทำไม่ได้ ไม่เร่งรัดเด็กเกินไปจนเป็นความกดดันและทำให้เกิดความเครียดโดยที่ไม่ตั้งใจ
9. ไม่ต้องเปรียบเทียบลูกของเรากับลูกคนอื่น
ยอมรับในตัวตนที่ลูกเป็น ทุกคนมีความแตกต่างมีเอกลักษณ์ มีข้อดีข้อเสีย จะทำให้ลูกเข้าใจและยอมรับในตัวตน มองเห็นคุณค่าในตัวเอง เติบโตเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองได้
10. ชมเชยเมื่อเห็นว่าลูกทำได้ดี
เน้นชมเชยที่กระบวนการ เช่น ความพยายาม ความตั้งใจ ไม่ต้องเน้นผลลัพธ์
11. ถ้าลูกทำไม่ถูก ควรให้ลูกเรียนรู้การรับผิดชอบ
มีการปรับพฤติกรรมอย่างเหมาะสม แต่ไม่ควรลงโทษด้วยความรุนแรง ให้ลูกรู้ว่าทำผิดก็ต้องปรับปรุงตัวแก้ไข ทุกคนก็ทำผิดได้ และมีโอกาสที่จะทำให้ดีขึ้น
12. สอนให้ลูกมีทักษะจัดการอารมณ์ที่ดี
รู้จักผ่อนคลายความเครียด เวลามีอารมณ์ทางลบ เช่น โกรธ เสียใจ ก็เข้าใจตระหนักอารมณ์ตัวเอง โกรธได้ เสียใจได้ แต่ไม่ทำอะไรไปตามอารมณ์จนเกิดผลเสียต่อตัวเองและคนรอบข้าง ซึ่งตรงนี้พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างให้เด็กเห็นด้วย
เด็กๆ จะเติบโตเป็นคนที่มีสุขภาพจิตดี แม้ว่าจะมีอุปสรรค หรือสถานการณ์ไม่ปกติ อาจจะรู้สึกแย่บ้าง แต่จะฟันฝ่าไปได้ในที่สุด
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กในรูปแบบการถูกทารุณกรรมและการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ จากเด็กและส่งเสริมให้ผู้ใหญ่รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น❤️
ปรึกษาวางแผนครอบครัว ได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
12 วิธีเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพจิตดี
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

12 วิธีเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพจิตดี

การเลี้ยงดูปลูกฝังของพ่อแม่ เป็นปัจจัยหนึ่งที่บอกได้ว่า เด็กคนหนึ่งจะมีสุขภาพจิตที่ดี เติบโตเป็นคนที่รับมือกับสถานการณ์ในชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปได้ มีจิตใจที่เข้มแข็งและมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีร้ายในชีวิต
1. พ่อแม่ควรดูแลสุขภาพจิตของตัวเองให้ดีก่อน
ถ้าพ่อแม่มีความเครียด ปัญหาสุขภาพจิต จะส่งผลต่อการเลี้ยงดูลูกได้
2. ให้ความรัก มีเวลาให้ลูก
พูดคุยกับลูก เล่น เล่านิทาน ทำกิจกรรมกับลูกบ่อยๆ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
3. ฟังลูกมากๆ เวลาลูกอยากเล่าอะไรให้ฟัง
ถ้าพ่อแม่ฟังลูก ลูกจะฟังพ่อแม่มากขึ้น และอยากเล่าอยากระบายสิ่งต่างๆ ให้พ่อแม่ฟัง
4. เด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบไม่ควรดูหน้าจอทุกชนิด
มือถือ,แท็บเล็ต,ทีวี,คอมพิวเตอร์ฯลฯ และอย่าปล่อยให้ลูกติดหน้าจอเกินไป และพ่อแม่ต้องไม่ติดจอด้วย เป็นตัวอย่างที่ดี และควรดูไปพร้อมกับเด็ก เพื่อแนะนำและมีความเข้าใจกันมากขึ้น
5. สอนให้ลูกมีระเบียบวินัย
ไม่ตามใจเกินไป ให้ลูกรู้จักควบคุมตัวเอง รู้จักอดทนรอคอย
6. สอนให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองตามวัย
อย่าทำอะไรให้ทุกอย่าง จนลูกติดสบายเกินไป
7. ปฏิบัติกับลูกบนพื้นฐานของความรักและเข้าใจ
มีเมตตาและเอาใจลูกมาใส่ใจเรา ลูกจะรู้สึกมีความมั่นคงปลอดภัย ทางจิตใจ
8. เข้าใจพัฒนาการเด็กพื้นฐาน
รู้ว่าเด็กวัยนี้ควรทำอะไรได้หรือยังทำไม่ได้ ไม่เร่งรัดเด็กเกินไปจนเป็นความกดดันและทำให้เกิดความเครียดโดยที่ไม่ตั้งใจ
9. ไม่ต้องเปรียบเทียบลูกของเรากับลูกคนอื่น
ยอมรับในตัวตนที่ลูกเป็น ทุกคนมีความแตกต่างมีเอกลักษณ์ มีข้อดีข้อเสีย จะทำให้ลูกเข้าใจและยอมรับในตัวตน มองเห็นคุณค่าในตัวเอง เติบโตเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองได้
10. ชมเชยเมื่อเห็นว่าลูกทำได้ดี
เน้นชมเชยที่กระบวนการ เช่น ความพยายาม ความตั้งใจ ไม่ต้องเน้นผลลัพธ์
11. ถ้าลูกทำไม่ถูก ควรให้ลูกเรียนรู้การรับผิดชอบ
มีการปรับพฤติกรรมอย่างเหมาะสม แต่ไม่ควรลงโทษด้วยความรุนแรง ให้ลูกรู้ว่าทำผิดก็ต้องปรับปรุงตัวแก้ไข ทุกคนก็ทำผิดได้ และมีโอกาสที่จะทำให้ดีขึ้น
12. สอนให้ลูกมีทักษะจัดการอารมณ์ที่ดี
รู้จักผ่อนคลายความเครียด เวลามีอารมณ์ทางลบ เช่น โกรธ เสียใจ ก็เข้าใจตระหนักอารมณ์ตัวเอง โกรธได้ เสียใจได้ แต่ไม่ทำอะไรไปตามอารมณ์จนเกิดผลเสียต่อตัวเองและคนรอบข้าง ซึ่งตรงนี้พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างให้เด็กเห็นด้วย
เด็กๆ จะเติบโตเป็นคนที่มีสุขภาพจิตดี แม้ว่าจะมีอุปสรรค หรือสถานการณ์ไม่ปกติ อาจจะรู้สึกแย่บ้าง แต่จะฟันฝ่าไปได้ในที่สุด
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กในรูปแบบการถูกทารุณกรรมและการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ จากเด็กและส่งเสริมให้ผู้ใหญ่รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น❤️
ปรึกษาวางแผนครอบครัว ได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
12 วิธีเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพจิตดี
Modal Title

7 วิธีเสริมความภาคภูมิใจและเชื่อมั่นในตัวเองให้เด็ก

1. แสดงความรักต่อเด็กทุกวัน ❤️
ให้ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ให้ความรู้สึกปลอดภัย ให้เด็กรับรู้ว่าเป็นคนสำคัญของครอบครัว เกิดเป็นความผูกพันแน่นแฟ้น
2. เล่นกับลูก 🧸
ใช้เวลาสนุกสนานด้วยกัน ช่วยคลายเครียดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เด็กจะได้รับทั้งความรัก การเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน กติกาต่างๆ จะสอดแทรกได้ดีในช่วงสนุก
3. ให้เด็กช่วยทำงานบ้านตามวัย 🪣
แม้จะทำไม่เรียบร้อย แต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับความภาคภูมิใจ เพราะเด็กได้รับรู้ว่าเขาทำได้ เขาช่วยคนในบ้านได้ และได้รับคำชมจากเราด้วย ต่อไปเขาก็จะเป็นคนที่ดูแลตัวเอง และคนในครอบครัวได้ดีด้วย
4. ฝึกให้เด็กรับผิดชอบเรื่องของตัวเอง มากขึ้นเรื่อยๆ ⏰
ได้ทำอะไรด้วยตัวเองมากขึ้นๆ ตามวัย เช่น เรื่องการบ้าน การเตรียมตัวข้าวของเครื่องใช้ไปโรงเรียน ไปเที่ยว ฯลฯ
5. ตำหนิพฤติกรรมไม่ตำหนิตัวตน ❌
เมื่อเด็กทำอะไรผิด เช่น ‘เด็กดีของแม่ไม่ตีน้องนะคะ การตีน้องเป็นสิ่งที่ไม่ดี’ และอย่าใช้วิธีการดุด่า แต่พูดกับเด็กด้วยความเชื่อว่าเด็กจะเปลี่ยนพฤติกรรมได้ เช่น ‘แม่รู้ว่าน้องทำให้หนูโกรธ ถ้าน้องทำให้โกรธอีก แทนที่จะตีน้อง เราจะทำยังไงกันดี’ (คนทุกคนเคยทำผิด เด็กก็เช่นกัน ทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่เด็กจะได้เติบโต โดยการยอมรับ แก้ไข)
6. สนับสนุนให้เด็กได้คิด ได้ทำ 💡
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรอบตัว หรือการสร้างสรรค์ผลงานตามความชอบ ความสำเร็จจากการทำได้ จะช่วยให้เด็กภาคภูมิใจ แม้เมื่อทำไม่ได้ ก็จะเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เด็กได้ใช้ความพยายาม ทั้งยังได้รับมือกับความล้มเหลว เรียกว่า ‘ล้มเพื่อฝึกลุก’
7. ติดตามการใช้เทคโนโลยี โซเชียลต่างๆ 📱
เพราะนำได้ทั้งสิ่งดีและสิ่งที่ไม่ดีเข้าสู่ตัวเด็ก รวมทั้งอาจเป็นสิ่งขัดขวางความสัมพันธ์ตัวเป็นๆ และกิจกรรมอื่นๆ ของครอบครัว ควรกำหนดทั้งเวลา และเนื้อหาที่เข้าสู่เด็กอย่างเหมาะสม
ความภาคภูมิใจ คือ การที่เด็กมองตัวเองอย่างไร มองตัวเองว่ามีความสามารถแค่ไหน ซึ่งสร้างได้จากการเติบโตในบรรยากาศของความรัก มีคนที่เด็กพึ่งพาได้ ที่สำคัญ คือ คนเหล่านั้นชื่นชม เชื่อมั่นในตัวเด็ก
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กในรูปแบบการถูกทารุณกรรมและการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ จากเด็กและส่งเสริมให้ผู้ใหญ่รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น❤️
ปรึกษาวางแผนครอบครัว ได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
7 วิธีเสริมความภาคภูมิใจและเชื่อมั่นในตัวเองให้เด็ก
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

7 วิธีเสริมความภาคภูมิใจและเชื่อมั่นในตัวเองให้เด็ก

1. แสดงความรักต่อเด็กทุกวัน ❤️
ให้ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ให้ความรู้สึกปลอดภัย ให้เด็กรับรู้ว่าเป็นคนสำคัญของครอบครัว เกิดเป็นความผูกพันแน่นแฟ้น
2. เล่นกับลูก 🧸
ใช้เวลาสนุกสนานด้วยกัน ช่วยคลายเครียดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เด็กจะได้รับทั้งความรัก การเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน กติกาต่างๆ จะสอดแทรกได้ดีในช่วงสนุก
3. ให้เด็กช่วยทำงานบ้านตามวัย 🪣
แม้จะทำไม่เรียบร้อย แต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับความภาคภูมิใจ เพราะเด็กได้รับรู้ว่าเขาทำได้ เขาช่วยคนในบ้านได้ และได้รับคำชมจากเราด้วย ต่อไปเขาก็จะเป็นคนที่ดูแลตัวเอง และคนในครอบครัวได้ดีด้วย
4. ฝึกให้เด็กรับผิดชอบเรื่องของตัวเอง มากขึ้นเรื่อยๆ ⏰
ได้ทำอะไรด้วยตัวเองมากขึ้นๆ ตามวัย เช่น เรื่องการบ้าน การเตรียมตัวข้าวของเครื่องใช้ไปโรงเรียน ไปเที่ยว ฯลฯ
5. ตำหนิพฤติกรรมไม่ตำหนิตัวตน ❌
เมื่อเด็กทำอะไรผิด เช่น ‘เด็กดีของแม่ไม่ตีน้องนะคะ การตีน้องเป็นสิ่งที่ไม่ดี’ และอย่าใช้วิธีการดุด่า แต่พูดกับเด็กด้วยความเชื่อว่าเด็กจะเปลี่ยนพฤติกรรมได้ เช่น ‘แม่รู้ว่าน้องทำให้หนูโกรธ ถ้าน้องทำให้โกรธอีก แทนที่จะตีน้อง เราจะทำยังไงกันดี’ (คนทุกคนเคยทำผิด เด็กก็เช่นกัน ทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่เด็กจะได้เติบโต โดยการยอมรับ แก้ไข)
6. สนับสนุนให้เด็กได้คิด ได้ทำ 💡
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรอบตัว หรือการสร้างสรรค์ผลงานตามความชอบ ความสำเร็จจากการทำได้ จะช่วยให้เด็กภาคภูมิใจ แม้เมื่อทำไม่ได้ ก็จะเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เด็กได้ใช้ความพยายาม ทั้งยังได้รับมือกับความล้มเหลว เรียกว่า ‘ล้มเพื่อฝึกลุก’
7. ติดตามการใช้เทคโนโลยี โซเชียลต่างๆ 📱
เพราะนำได้ทั้งสิ่งดีและสิ่งที่ไม่ดีเข้าสู่ตัวเด็ก รวมทั้งอาจเป็นสิ่งขัดขวางความสัมพันธ์ตัวเป็นๆ และกิจกรรมอื่นๆ ของครอบครัว ควรกำหนดทั้งเวลา และเนื้อหาที่เข้าสู่เด็กอย่างเหมาะสม
ความภาคภูมิใจ คือ การที่เด็กมองตัวเองอย่างไร มองตัวเองว่ามีความสามารถแค่ไหน ซึ่งสร้างได้จากการเติบโตในบรรยากาศของความรัก มีคนที่เด็กพึ่งพาได้ ที่สำคัญ คือ คนเหล่านั้นชื่นชม เชื่อมั่นในตัวเด็ก
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กในรูปแบบการถูกทารุณกรรมและการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ จากเด็กและส่งเสริมให้ผู้ใหญ่รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น❤️
ปรึกษาวางแผนครอบครัว ได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
7 วิธีเสริมความภาคภูมิใจและเชื่อมั่นในตัวเองให้เด็ก
Modal Title

4 Steps Free Play เล่นอิสระให้มีพัฒนาการ

4 Steps Free Play เล่นอิสระให้มีพัฒนาการ 👧👦
การเล่นเป็นของคู่กับเด็กเพราะการเล่นจะช่วยส่งเสริมการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กพร้อมทั้งทักษะการเข้าสังคมและอารมณ์ต่างๆซึ่งพ่อแม่สามารถสร้างพื้นที่เล่นอย่างสร้างสรรค์ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ของเล่นแพงหรือสนามเด็กเล่นนอกบ้านเพราะสิ่งที่ต้องคำนึงคือการที่เด็กเล่นได้อย่างอิสระเป็นพื้นที่ที่เด็กต่างวัยก็สามารถเล่นด้วยกันได้ตามความสนใจของเด็กสามารถเรียนรู้ผ่านการเล่นดังนั้นพื้นที่เล่นอย่างสร้างสรรค์จึงเน้นความมีชีวิตชีวาของสถานที่ธรรมชาติที่มีความท้าทายผจญภัย โดยแบ่งเป็น 4 ข้อดังนี้
1 ทำความเข้าใจ 🧸
ธรรมชาติและความต้องการของเด็ก “เล่นก็คือเล่น”
2 ส่งเสริมแวดล้อม 🌳
ที่เอื้อต่อการเล่นที่หลากหลาย
3 ให้เด็กได้คิด และออกแบบอุปกรณ์ 📐
4 ให้เด็กได้ลองเล่นอย่างอิสระ 🎈
ได้เป็นผู้ตั้งกฎเกณฑ์
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กในรูปแบบการถูกทารุณกรรมและการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ จากเด็กและส่งเสริมให้ผู้ใหญ่รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น❤️
ปรึกษาวางแผนครอบครัว ได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
4 Steps Free Play เล่นอิสระให้มีพัฒนาการ
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

4 Steps Free Play เล่นอิสระให้มีพัฒนาการ

4 Steps Free Play เล่นอิสระให้มีพัฒนาการ 👧👦
การเล่นเป็นของคู่กับเด็กเพราะการเล่นจะช่วยส่งเสริมการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กพร้อมทั้งทักษะการเข้าสังคมและอารมณ์ต่างๆซึ่งพ่อแม่สามารถสร้างพื้นที่เล่นอย่างสร้างสรรค์ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ของเล่นแพงหรือสนามเด็กเล่นนอกบ้านเพราะสิ่งที่ต้องคำนึงคือการที่เด็กเล่นได้อย่างอิสระเป็นพื้นที่ที่เด็กต่างวัยก็สามารถเล่นด้วยกันได้ตามความสนใจของเด็กสามารถเรียนรู้ผ่านการเล่นดังนั้นพื้นที่เล่นอย่างสร้างสรรค์จึงเน้นความมีชีวิตชีวาของสถานที่ธรรมชาติที่มีความท้าทายผจญภัย โดยแบ่งเป็น 4 ข้อดังนี้
1 ทำความเข้าใจ 🧸
ธรรมชาติและความต้องการของเด็ก “เล่นก็คือเล่น”
2 ส่งเสริมแวดล้อม 🌳
ที่เอื้อต่อการเล่นที่หลากหลาย
3 ให้เด็กได้คิด และออกแบบอุปกรณ์ 📐
4 ให้เด็กได้ลองเล่นอย่างอิสระ 🎈
ได้เป็นผู้ตั้งกฎเกณฑ์
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กในรูปแบบการถูกทารุณกรรมและการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ จากเด็กและส่งเสริมให้ผู้ใหญ่รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น❤️
ปรึกษาวางแผนครอบครัว ได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
4 Steps Free Play เล่นอิสระให้มีพัฒนาการ
Modal Title

ร่วมรักไม่ป้องกัน เสี่ยงติด โรคไวรัสตับอักเสบบี

โรคไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคตับที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Virus) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้
.
🦠 เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Virus)
😞 ผู้ติดเชื้ออาจมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้ม ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย
🤨 ผู้เป็นพาหะมักไม่มีอาการ
❌ สามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การใช้ของมีคมเปื้อนเลือดร่วมกัน และจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ขณะตั้งครรภ์หรือการคลอด
💉 ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน
💊 รักษาด้วยการใช้ยา
.
ดังนั้นการสวมถุงยางอนามัยมีความจำเป็นอย่างมากในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และปัจจุบันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคสามารถรักษาให้หายได้ บางโรคสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ และผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกันกับคนในครอบครัวและสังคมได้ เมื่อเข้ารับการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
.
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนความเท่าเทียม ทั้งด้านบริการการรักษา กฎหมาย การเข้าถึงเทคโนโลยี และการอยู่ร่วมกันในสังคม
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ #แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
.
ร่วมรักไม่ป้องกัน เสี่ยงติด โรคไวรัสตับอักเสบบี
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

ร่วมรักไม่ป้องกัน เสี่ยงติด โรคไวรัสตับอักเสบบี

โรคไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคตับที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Virus) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้
.
🦠 เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Virus)
😞 ผู้ติดเชื้ออาจมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้ม ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย
🤨 ผู้เป็นพาหะมักไม่มีอาการ
❌ สามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การใช้ของมีคมเปื้อนเลือดร่วมกัน และจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ขณะตั้งครรภ์หรือการคลอด
💉 ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน
💊 รักษาด้วยการใช้ยา
.
ดังนั้นการสวมถุงยางอนามัยมีความจำเป็นอย่างมากในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และปัจจุบันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคสามารถรักษาให้หายได้ บางโรคสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ และผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกันกับคนในครอบครัวและสังคมได้ เมื่อเข้ารับการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
.
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนความเท่าเทียม ทั้งด้านบริการการรักษา กฎหมาย การเข้าถึงเทคโนโลยี และการอยู่ร่วมกันในสังคม
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ #แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
.
ร่วมรักไม่ป้องกัน เสี่ยงติด โรคไวรัสตับอักเสบบี
Modal Title

ร่วมรักไม่ป้องกัน เสี่ยงติด โรคหูดหงอนไก่

โรคหูดหงอนไก่ เกิดจากเชื้อ Human Papillomavirus: HPV ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง สามารถติดต่อผ่านการเพศสัมพันธ์ทั้งเพศชายและหญิง หากผู้ที่มีเชื้อมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงอาจจะมีอาการใดๆ เลย หรือคนที่ไม่แข็งแรงอาจเกิดติ่งเนื้อลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำปลีขึ้นอย่างชัดเจนในบริเวณอวัยวะเพศ ช่องคลอด ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ หรือบริเวณง่ามขา โดยที่ผู้ป่วยอาจพบรอยโรคในหลายๆ ตำแหน่งได้
.
🦠 ส่วนมากเกิดจากเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ 6 และ 11
❌ ติดต่อได้ง่ายผ่านทางเพศสัมพันธ์และการสัมผัสใกล้ชิด มีโอกาสเป็นซ้ำได้บ่อย ๆ
🩸 อาการคือมีติ่งเนื้อนูนคล้ายดอกกะหล่ำ อาจมีอาการคัน เจ็บหรือมีเลือดออก
💉 ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน
🩺 รักษาด้วยการใช้ยาทา การผ่าตัด การจี้ด้วยความเย็น เป็นต้น
.
ดังนั้นการสวมถุงยางอนามัยมีความจำเป็นอย่างมากในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และปัจจุบันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคสามารถรักษาให้หายได้ บางโรคสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ และผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกันกับคนในครอบครัวและสังคมได้ เมื่อเข้ารับการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
.
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนความเท่าเทียม ทั้งด้านบริการการรักษา กฎหมาย การเข้าถึงเทคโนโลยี และการอยู่ร่วมกันในสังคม
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ #แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
.
ร่วมรักไม่ป้องกัน เสี่ยงติด โรคหูดหงอนไก่
อินโฟกราฟิกส์
Modal Title

ร่วมรักไม่ป้องกัน เสี่ยงติด โรคหูดหงอนไก่

โรคหูดหงอนไก่ เกิดจากเชื้อ Human Papillomavirus: HPV ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง สามารถติดต่อผ่านการเพศสัมพันธ์ทั้งเพศชายและหญิง หากผู้ที่มีเชื้อมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงอาจจะมีอาการใดๆ เลย หรือคนที่ไม่แข็งแรงอาจเกิดติ่งเนื้อลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำปลีขึ้นอย่างชัดเจนในบริเวณอวัยวะเพศ ช่องคลอด ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ หรือบริเวณง่ามขา โดยที่ผู้ป่วยอาจพบรอยโรคในหลายๆ ตำแหน่งได้
.
🦠 ส่วนมากเกิดจากเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ 6 และ 11
❌ ติดต่อได้ง่ายผ่านทางเพศสัมพันธ์และการสัมผัสใกล้ชิด มีโอกาสเป็นซ้ำได้บ่อย ๆ
🩸 อาการคือมีติ่งเนื้อนูนคล้ายดอกกะหล่ำ อาจมีอาการคัน เจ็บหรือมีเลือดออก
💉 ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน
🩺 รักษาด้วยการใช้ยาทา การผ่าตัด การจี้ด้วยความเย็น เป็นต้น
.
ดังนั้นการสวมถุงยางอนามัยมีความจำเป็นอย่างมากในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และปัจจุบันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคสามารถรักษาให้หายได้ บางโรคสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ และผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกันกับคนในครอบครัวและสังคมได้ เมื่อเข้ารับการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
.
สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ขอสนับสนุนความเท่าเทียม ทั้งด้านบริการการรักษา กฎหมาย การเข้าถึงเทคโนโลยี และการอยู่ร่วมกันในสังคม
.
#ปรึกษาการคุมกำเนิดได้ที่คลินิกเวชกรรม สวท ทั้ง 9 แห่ง โทร 02-941-2320 ต่อ 181-182
และ #แพทย์ทางไกล 085-585-9580 หรือ 095-661-6551
.
ร่วมรักไม่ป้องกัน เสี่ยงติด โรคหูดหงอนไก่

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็น เพื่อช่วยให้การทำงานหลักของเว็บไซต์ใช้งานได้ รวมถึงการเข้าถึงพื้นที่ที่ปลอดภัยต่าง ๆ ของเว็บไซต์ หากไม่มีคุกกี้นี้เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม และจะใช้งานได้โดยการตั้งค่าเริ่มต้น โดยไม่สามารถปิดการใช้งานได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ จะช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้เข้าชมและจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการใช้งานของผู้ใช้งาน
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ในส่วนการตลาด

    คุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายและเพื่อเพิ่มประสิทธิผลการโฆษณาสำหรับผู้เผยแพร่และผู้โฆษณาสำหรับบุคคลที่สาม

บันทึกการตั้งค่า