อาการ PMSหรืออาการก่อนมีประจำเดือนเป็นสิ่งที่ทรมานผู้หญิงทุกคนเป็นปกติ ซึ่งโดยปกติแล้วเราเองจะรู้สึกได้ถึงอาการปวดประจำเดือนที่เป็นอยู่ว่ามาก-น้อย ขนาดไหน ทว่าในเคสที่มีอาการปวดหลังช่วงมีประจำเดือนมาก ๆ ร่วมกับอาการเหล่านี้ถือว่าผิดปกติ และควรรีบไปพบสูตินรีแพทย์โดยด่วน
- มีอาการปวดหลัง ลามมาที่เอว เชิงกราน ก้นกบ และร้าวลงขา
- ปวดหลัง ปวดท้อง ในช่วงมีประจำเดือนมาก และเป็นการปวดหนัก ๆ ครั้งแรก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยปวดแรงอย่างนี้เลย
- อาการปวดหลังช่วงมีประจำเดือน ก่อน หรืออาการปวดท้องประจำเดือนรุนแรงขึ้นในทุก ๆ เดือน
- ปวดหลังหรือปวดท้องมากจนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แม้กระทั่งกินยาแก้ปวดก็ยังไม่หาย
- มีอาการปวดตลอดช่วงที่มีประจำเดือน
- อาการปวดหลังช่วงมีประจำเดือนยังคงไม่หาย แม้ประจำเดือนจะหมดไปแล้ว
- ปวดหลังมากและประจำเดือนมาน้อยหรือมากผิดปกติ (เป็นประจำเดือน 2 วัน หรือเกิน 7 วัน)
- ปวดหลังช่วงมีประจำเดือนพร้อมกับมีอาการตกขาวมาก ตกขาวมีกลิ่นเหม็น
- ปวดหลังระหว่างมีประจำเดือน ร่วมกับมีไข้สูง
- ปวดหลังหรือท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่งมากเป็นพิเศษ
- ปวดหลังช่วงมีประจำเดือนและสังเกตเห็นหน้าท้องบวมโตผิดปกติ ร่วมกับคลำก้อนที่ท้องได้
หากมีอาการปวดหลังช่วงมีประจำเดือน ร่วมกับอาการผิดปกติเบื้องต้น แนะนำให้รีบไปพบสูตินรีแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะความผิดปกติดังกล่าวอาจเป็นผลจากความผิดปกติในช่องท้องส่วนล่าง (มดลูก, รังไข่, ปีกมดลูก?) เช่น ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกในมดลูก(การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หรือมีอาการอักเสบที่อุ้งเชิงกรานก็เป็นได้
วิธีแก้อาการปวดหลังช่วงมีประจำเดือน
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างถูกสัดส่วน โดยควรรับประทานผัก-ผลไม้ให้มาก โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินบีและแมกนีเซียมสูง ลดอาหารเค็ม มัน รวมทั้งสารกระตุ้นอาการปวดอย่างเช่น กาแฟ ชา และแอลกอฮอล์
- ดื่มน้ำอุ่นให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือจะดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดประจำเดือนช่วยด้วยอีกทางก็ได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็น หรืออาหารที่มีความเย็น
- อาบน้ำอุ่น หรืออาจใช้แผ่นแปะชนิดร้อนแปะไว้ที่หลัง เพื่อให้ความร้อนช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึง ซึ่งก่อให้เกิดอาการปวด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีงานวิจัยที่เผยว่า การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยลดอาการปวดประจำเดือนรวมทั้งอาการปวดหลังช่วงมีประจำเดือนได้
- กินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้ปวดประเภทไอบูโปรเฟน (ibuprofen) หรือยาแก้ปวดประจำเดือน เช่น พอนสแตน (Ponstan) ก็ได้ แต่ควรจะกินยาขนาด 250 มิลลิกรัมก็พอ และต้องกินหลังอาหารทันทีด้วย เนื่องจากยาแก้ปวดเหล่านี้มีฤทธิ์เป็นกรด
- ผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยท่ายืดเหยียดร่างกาย หรือท่าโยคะแก้ปวดประจำเดือน
- นอนให้ถูกท่า เป็นวิธีแก้ปวดหลังช่วงมีประจำเดือนที่ทำได้ง่าย ๆ แค่นอนตามนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ,โรงพยาบาลรามคำแหง,กระปุกดอทคอม,doctorsmithtv,โรงพยาบาลวิภาวดี,huffingtonpost,spinemd