“ลูกเสือทักษะชีวิต” ปรับปรุงหลักสูตรลูกเสือให้ทันสมัย แก้ไขปัญหาเด็กแข่งวิชาการจนไม่มีทักษะการใช้ชีวิต ตอบโจทย์ปฏิรูปการศึกษาไทย

SC001

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมสรุปผลการดำเนินงานโครงการลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิต เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต ให้เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาด้วยกระบวนการลูกเสือ โดยให้เด็กและเยาวชนลงมือปฏิบัติด้วยตนเองในการทำกิจกรรมอย่างครบวงจร ณ อาคารสมเด็จอุปถัมภ์ สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

นางสาวลัดดา จิตรวัฒนแพทย์ ผู้จัดการโครงการลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิต กล่าวว่า โครงการฯ มุ่งมั่นที่จะทำให้กิจกรรมลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิตเป็นประโยชน์สูงสุดแก่เด็กและเยาวชนแท้จริง รวมทั้งมีความยั่งยืนในระบบการศึกษา โดยได้พัฒนาครูผู้สอนและวิทยากรของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งขยายผลไปสู่เด็กและเยาวชนในโรงเรียน จำนวน 2,105,063 คน ควบคู่กับการพัฒนาระบบการบริหารจัดการลูกเสือของโรงเรียนสู่ความเป็นเลิศด้วยกระบวนการเทียบระดับ (Benchmarking)

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนดังกล่าวมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนได้รับการพัฒนาทักษะชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงส่งเสริมกิจการลูกเสือของประเทศไทย ซึ่งจะครบรอบ 107 ปี ในปี 2561 ให้สามารถพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีทักษะชีวิตเพิ่มขึ้น เพื่อให้อยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างเป็นปกติสุข ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา มีมติให้ประกาศใช้หลักสูตรลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิตอย่างเป็นทางการในโรงเรียนทั่วประเทศ

ศ.กิตติคุณ นพ.ดำรง เหรียญประยูร กรรมการที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า จากผลการวิจัยของศูนย์นวัตกรรมการศึกษาและเยาวชน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2560 ระบุว่า เด็กและเยาวชนไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงและผลกระทบทางสังคม 10 เรื่อง ได้แก่ ความรุนแรง คุณแม่วัยใส ยาเสพติด ติดแท็บเล็ตอยู่กับสังคมก้มหน้า ขาดวินัยอย่างรุนแรง ชีวิตไม่มีความสุข เครียดกดดัน ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์รอบสถานศึกษา เด็กยากจนด้อยโอกาส กลุ่มชาติพันธุ์ การตกเป็นเครื่องมือทางเพศ การใช้แรงงานเด็ก ขอทานเด็ก และเด็กไทยเกิดน้อยด้อยคุณภาพ ส่วนสถานการณ์เชิงบวก คือ เด็กและเยาวชนได้เห็นแบบอย่างที่ดี โดยเฉพาะพระจริยวัตรและพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

“จากข้อมูลดังกล่าวยิ่งสะท้อนว่าถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนควรมีบทบาทในการเสริมสร้างสถานการณ์ทางบวกและลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เด็กและเยาวชนได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีทักษะสังคม ทักษะชีวิตที่พร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัว ซึ่งสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ เป็นอีกองค์กรสาธารณประโยชน์ที่พัฒนาเด็กและเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง ตระหนักถึงการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะการนำกระบวนการลูกเสือมาช่วยเสริมสร้างทักษะชีวิตถือเป็นวิธีการที่แยบยลที่ทำให้เด็กและเยาวชนได้รับการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมผ่านกิจกรรมลูกเสือได้แท้จริง” ศ.กิตติคุณ นพ.ดำรง กล่าว

ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ลูกเสือทักษะชีวิตไม่ใช่เพียงการตอบโจทย์แค่เรื่องทักษะในศตวรรษที่ 21 แต่จะตอบโจทย์ปฏิรูปการศึกษา โดยมีการสำรวจข้อมูลถึงคุณลักษณะของเด็กไทยที่ต้องการ พบว่า 80-90% ของประชาชนไทยเห็นด้วยว่าเด็กไทยต้องมีทักษะชีวิต ประกอบด้วยบันได 4 ขั้นคือ ขั้นแรก รู้จักตนเอง ขั้นที่สอง อยากเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่จำแต่ต้องเรียนรู้ ขั้นที่สาม สามารถทำงานเป็นทีมได้ และขั้นสุดท้าย ความเป็นพลเมือง มีจิตอาสาและเกื้อกูลต่อสังคม ถือเป็นความต้องการในด้านการศึกษาของทุกภาคส่วน ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องถามตนเองได้ว่าสามารถผลิตได้แบบนี้หรือไม่

ติดตามข่าวสารได้ที่ facebook/สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ

และ facebook/ลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิต Life Skills Scout

TAGS

News & Activity

PPAT organized an opening ceremony of Bann Hormlamduan Nursing Home and merit-making ceremony in the occasion of 52nd Anniversary of PPAT. Assoc. Prof. Dr. Shayaniss Kono, PPAT Secretary-General, chaired a ceremony with participants from 17th Council members, Prof. Dr. Surasak Taneepanichskul, former president of 16th Council and other honorary guests. Bann Hormlamduan Nursing Home is founded to serve ageing society. It has 20 beds, 4 VIP rooms and 2 normal rooms for 6 beds each, located at Soi Vibhavadi…
เมื่อวันที่ 23-25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯจัดงานสัมมนาคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ ความสมัครสมานสามัคคี พัฒนาองค์กรไปสู่จุดมุ่งหมาย ภายใต้ธีมงานจับมือไว้แล้วไปด้วยกัน โดยภายในงานมี ศ.นพ. สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล นายก สวท พร้อมด้วยคณะกรรมการ คณะกรรมการที่ปรึกษา และเจ้าหน้าที่ สวท จากทุกภูมิภาคเข้าร่วมงาน  พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์  หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ร่วมบรรยายในหัวข้อ การสร้างสุขในองค์กรด้วยสติ ณ โรงแรมศุภาลัย ป่าสัก รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดสระบุรี นอกจากกิจกรรมการบรรยายให้ความรู้แล้วนั้น ยังมีกิจกรรมฐานความรู้ต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ สวท ให้ดียิ่งขึ้น ศ.นพ. สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล นายก สวท กล่าวระหว่างการบรรยายในหัวข้อเสริมพลังสร้างแรงใจ ว่า สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรของเราเดินหน้าไปได้ เราต้องทำงานร่วมกัน สามัคคีกัน ต้องรู้จักการเห็นอกเห็นใจกัน แม้ว่าต่างคนจะมีมุมมองในการทำงานไม่เหมือนกัน แต่เราก็สามารถทำงานร่วมกันได้ การรู้จักให้  ให้อะไรก็ไม่สู้การรู้จักให้อภัย ผมอยากให้ทุกคนนั้นมีคำว่าให้อภัยอยู่ในใจ เพราะการให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีงาม คือ  1.เป็นการให้ทานหรืออภัยทาน เป็นการให้ที่ไม่ต้องใช้ทรัพย์ใดๆ 2.สามารถให้ได้ทันที 3. ผลที่ได้กลับคืนมานั้นยิ่งใหญ่ เพราะการให้อภัยจะนำมาสู่มิตรภาพ อยากให้คำนี้อยู่ในใจทุกคน เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ การให้แบบไม่มีที่สิ้นสุด การสัมมนาในครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญ คืออยากให้ทุกคนสมัครสมานสามัคคีกัน ช่วยกันทำงานเพื่อนำพาองค์กรไปสู้เป้าหมาย ชาว สวท ทุกคนต้องรวมพลังกัน…
Privacy Preferences

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save